วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อาหารฝรั่งเศส


เก็บมาฝาก

อาหารฝรั่งเศสมี 2 ปัจจัยก็คือ กรรมวิธีการทำ และ วัตถุดิบวิธีการทำ

อาหารเป็นสิ่งสำคัญของอาหารฝรั่งเศส ชื่ออาหารก็คือวิธีการทำและวัตดุดิบนั่นเอง

อาหารฝรั่งเศสมักจะมีชื่อเฉพาะ สำหรับวิธีการทำและวัตถุดิบต่างๆ

อาหารฝรั่งเศสหนักเนื้อมากๆ คนที่นี่ กินเนื้อทุกชนิด ตั้งแต่

วัว แกะ ยัน ม้า กระต่ายบ้าน กระต่ายป่า ไก่ฟ้า นกบ้าบอ หมูป่า ฯลฯ

นี่เป็นจุดสำคัญที่ อาหารฝรั่งเศส ต่างจาก อาหารอิตาลี

(คนอิตาลีเพิ่งหัดกินสเต็กเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้ไม่นาน)

อาหารฝรั่งเศส ก็ มี ฟัว กราส์ (ตับเป็ดหรือตับห่าน) หอยทาก เห็ดทรัฟเฟิล

(อาหารอิตาลีก็มี) แต่ส่วนใหญ่ลักษณะอาหารมักจะไม่มีลักษณะเฉพาะที่ตายตัว

ตัวอย่างเมนูอาหาร " โปรวองซ์ " ร้านชื่อ

Restaurant les Lavandes อยู่ที่ Monieux เมืองบ้านนอกมากๆ ในโปรวองซ์

Amusette des LavandesFoie gras de canard maison frais mariné au Beaumes de VeniseGâteau

d'agneau aux aubergines confites et son jus de thymDessert au choixVin

Gigondas AOC


Amuse bouche (แปลตรงๆ สิ่งกระตุ้นปากให้อยากกิน) เป็นคาปุชชิโนผสมกับซุปถั่วอะไรไม่รู้

และใส่ทรัฟเฟิล โปะด้วยวิปครีม

(Les Lavandes เป็นชื่อร้านอาหารที่ไปกิน แปลว่าลาเวนเดอร์)

ปาเต้ของตับเป็ดที่แช่ในไวน์ Beaumes de Venise จานนี้เสิร์ฟกับ confit d'oignon

(แยมที่ทำจากหอม) และ tapenade

(เป็นมะกอกบดรวมกับเคเปอร์ มีขายเต็มตลาดในเอกซองโปรวองซ์

เพราะเป็นอาหารท้องถิ่นที่นั่น)

ฟัวกราส์รสชาติไม่พิเศษอะไร ที่ชอบก็คือแยมหัวหอม

จากหลักเป็นเนื้อแกะแล่บางๆ นำไปอบกับมะเขือม่วง

เวลาเสิร์ฟจัดเรียงเป็นชั้นๆ สลับระหว่างเนื้อแกะกับมะเขือม่วง

ซอสทำจากไทม์และไวน์แดง เสิร์ฟกับมันฝรั่งและผัก

ไอศครีมวนิลากับทรัฟเฟิล เสิร์ฟในขวดโหล มีไอศครีมเต็มขวดโหล

ไอศครีมเป็นรสวนิลาที่ใส่เห็ดทรัฟเฟิลขูดเยอะมาก

(กลิ่นทรัฟเฟิลกับวนิลาตีกันในปาก) โปะด้วยวิปครีม

ตรงกลางมีเมอแรงก์ หนึ่งก้อนตอนจบก็สั่งไดเจสทีฟคนละแก้ว

ทุกคนล้วนสั่งเหล้าที่แช่เวอร์บีนา (verbena หรือ verveine ในภาษาฝรั่งเศส)

ที่ทางร้านเขาทำเอง พอกำลังจะคิดเงิน ทางร้านเขาเอามาให้อีกคนละหนึ่ง

เป็นสมนาคุณเบ็ดเสร็จเงินในกระเป๋าหายไปแค่ สี่สิบสองยูโร

ต้องบอกว่า "แค่" เพราะว่า

1) เราจ่ายราคาเท่ากันนี้กับร้านอาหารธรรมดาในออสโล

2) คงต้องจ่ายราคาเดียวกันหรืออาจจะแพงกว่ากับอาหารฝรั่งเศสแบบเดียวกันกับไวน์ห่วยๆ ที่กรุงเทพฯ

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

องค์กรเอเอฟเอส ( AFS Volunteering )

องค์กรเอเอฟเอส (AFS Volunteering)



เป็นองค์กรที่ดำเนินงานโดยอาสาสมัครที่เห็นชอบกับอุดมการณ์

และวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษาเพื่อสร้างสรรค์ประชากรโลกที่มีคุณภาพ


และพยายามสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างชาติ


เพื่อทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและเกิดสันติภาพในโลก


อาสาสมัครจะไม่ได้รับเงินเป็นค่าตอบแทน


แต่สิ่งที่อาสาสมัครได้รับ (The Benefits of Volunteering) คือ......


- ทักษะการพัฒนาตนเองในด้านความเป็นผู้นำ


- ทักษะในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม


- ทักษะการทำงานเป็นหมู่คณะ


- ทักษะการแก้ปัญหา


- ทักษะการตัดสินใจที่ดี


- ทักษะอื่นๆที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน


- การฝึกใช้ภาษาอื่นในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ


- โอกาสในการฝึกอบรมและการส่งเสริมในการพัฒนาการศึกษาและวิชาชีพ
โดยเฉพาะ ครูอาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ

ประสบการณ์ในโลกกว้าง





เอเอฟเอสเปิดโอกาสให้ท่านได้มีโอกาสมองโลกในมุมที่กว้างขึ้น

ได้พบเพื่อนใหม่ วัฒนธรรมใหม่ และ รู้จักชีวิต มากขึ้นด้วยการใช้ชีวิตจริงในต่างประเทศ

บุคลากรและเยาวชนเอเอฟเอสจะ ได้รับความท้าทาย และ ประสบการณ์

ในการใช้ชีวิตกับครอบครัวอุปถัมภ์ ในชุมชนที่ไม่เคยคุ้นมาก่อน

ร่วมกับนักเรียนและบุคลากรเอเอฟเอส จากชาติอื่นๆ ทั่วโลก ได้ค้นพบตัวเอง

หลังจากที่ได้ใช้เวลาระยะหนึ่งในต่างประเทศกับเอเอฟเอส

ผู้เข้าร่วมโครงการ จะได้รู้จักตัวเอง รู้จักโลกมากขึ้น

รวมทั้งทักษะ การปรับตัว เข้ากับคนอื่น ท่านจะมีความมั่นใจในตนเองสูงขึ้น

และพร้อมที่จะพบกับความท้าทายใหม่ต่อไปได้เปิดตัวเอง

เอเอฟเอส นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดอย่างหนึ่งของท่าน

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ดื่มนมเปรี้ยวไม่ช่วยให้ "ผอม"

ดื่มนมเปรี้ยวไม่ช่วยให้ " ผอม "


ที่ผ่านมานมเปรี้ยวถูกทำให้เชื่อว่าไขมันต่ำ ดื่มแล้วช่วยลดน้ำหนักและมีรูปร่างดีขึ้นได้

แต่ความจริง นมเปรี้ยวต้องผ่านกระบวนการเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม

และผลไม้ต่างๆเพื่อเพิ่มรสชาติ

ทำให้มีน้ำตาลสูง ไม่เหมาะอย่างสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว หรือต้อง

ควบคุมน้ำตาล

นมเปรี้ยวที่แท้จริงคือการนำนมวัวมาหมัก

กับจุลินทรีย์จนกลายเป็นกรดอ่อนๆ

ด้นมที่เป็นครีมข้นเรียกว่าโยเกิร์ต

มีคุณค่าเทียบเท่านมและอาจดีกว่านมในแง่ที่ย่อยง่ายกว่า

โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดื่มนมแล้วไม่สบาย

ท้อง ทั้งยังได้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่

นมเปรี้ยวพร้อมดื่มที่แพร่หลายกันอยู่นี้มีนมเป็นส่วน

ประกอบเพียง 35-50 เปอร์เซ็นต์

และยัง มีน้ำตาลสูงถึง 8-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่านมชนิดหวานหรือเทียบ

เท่าน้ำอัดลม กระบวนการพาสเจอร์ไรท์ก็ทำให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ตายไปหมดแล้ว


นมเปรี้ยวจึงไม่ได้ ช่วยให้ผอมลง

ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

อาจเลือกนมสดชนิดพร่องมันเนย หรือ

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ลดความอ้วน

ผลิตภัณฑ์นม ช่วยลดความอ้วน !!! การรับประทานผลิตภัณฑ์จากนม จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลง


ผลการวิจัย จากประเทศสหรัฐอเมริกา


ซึ่งศูนย์วิจัยเนสท์เล่ได้นำ รายงานมาเป็นผลการวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์

ระหว่างการรับประทาน

ผลิตภัณฑ์นม กับการลดน้ำหนัก ว่า

ผลิตภัณฑ์นมช่วยลดน้ำหนัก และ ไขมันได้

เพราะนมจะมีส่วน ช่วยควบคุมเมตาโบลิซึม หรือ ขบวนการ เผาผลาญ

ของร่างกาย ได้ดีกว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

ขณะทำการศึกษากว่า 24 สัปดาห์ พบว่า คนที่รับประทานอาหาร

ที่นมเป็นส่วนประกอบ อย่าง นม โยเกิร์ต หรือเนยแข็ง

ในปริมาณ 3-4 หน่วยบริโภคต่อวัน ลดน้ำหนักได้มากกว่า คนที่รับประทานอาหาร

ที่ไม่มีนมเป็นส่วนประกอบ

และสามารถลดลงได้ถึง 24 ปอนด์ ซึ่งเป็นน้ำหนักของไขมันที่อยู่ช่องท้อง

ที่เกิดการเผาผลาญ และยังทำให้ลดความเสี่ยง

การเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง

ซึ่ง มร.ไมเคิล ซีเมล ผู้นำการวิจัยครั้งนี้ อธิบายว่า



"คนที่รับประทานผลิตภัณฑ์นม

จำนวน 3 หน่วยบริโภคต่อวัน

จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ได้รับประทาน"




การศึกษาชิ้นนี้ ได้ตีพิมพ์ในวารสารโรคอ้วน

ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะขณะที่ศึกษาอยู่เป็นช่วงที่โรคอ้วนกำลังระบาดใน

คนอเมริกัน โดยพบว่า ในปี 2000 คนอเมริกันเป็นโรคอ้วน ถึง 64%

ซึ่งความเจ็บป่วยจากโรคอ้วนนี้เอง ทำให้กระทรวงสาธารณสุข

ของรัฐบาลอเมริกันต้องเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 117 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

และยังมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่ศึกษาใน 90 ประเทศ

ชี้ให้เห็นว่า

การรับประทานผลิตภัณฑ์นม 3-4 หน่วยบริโภคต่อวัน

มีผลโดยตรง ทำให้น้ำหนักตัวลดลง

ช่วยประหยัดเงินของรัฐได้มากถึง 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงเวลามากกว่า 5 ปี ศูนย์ผู้บริโภคเนสท์เล่ ประเทศไทย




>< 555+



วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รู้หรือยัง !!! ตาเสีย...เพราะ...อ่านดูเลย...

ตาเสีย!!! จาก จอ "คอมพิวเตอร์"




หาก คุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตลอดทั้งวันอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ละก้อ ลองนึกดูว่าในแต่ละวินาที คุณกะพริบตากี่ครั้ง เพราะเจ้าคอมพิวเตอร์นี่แหละเป็นตัวร้ายทำลายสายตาผู้คนมากนักต่อนักแล้ว จากสถิติพบว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากกว่า 50% มีอาการทางสายตา ได้แก่ ปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศีรษะ รวมทั้งมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดเมื่อยคอและหลัง



โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป


ส่วนภาวะต่างๆที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวนั้นมีหลายประการ อย่างภาวะตาแห้ง ความผิดปกติของสายตาและค่าสายตา ความสามารถในการเพ่ง แว่นตาที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ แสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ ความสว่างของห้อง หรือท่านั่งขณะใช้คอมพิวเตอร์เป็นต้น



สำหรับการป้องกันภาวะต่างๆที่เป็นอันตราย ต่อสายตาจากคอมพิวเตอร์นั้น สำคัญ ! ที่สุดคือการกะพริบตา <ให้บ่อยที่สุด>เพราะการที่เราเพ่งอยู่กับการทำงานหน้าจอนั้น ทำให้เราลืมที่จะกะพริบตาจากที่เคยกะพริบจาก 20-22 ครั้งต่อนาทีเหลือเพียง 6-8 ครั้งต่อนาที ทำให้เกิดภาวะตาแห้งได้ ส่วนการใช้ แว่นสายตา จากคอมพิวเตอร์ ควรเลือก เลนส์สีชมพูอ่อน ที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์



การเลือกแว่นตานั้นควรวัดที่ระยะ 50-70 ซม. ส่วนมองใกล้สำหรับมองทำมุม 10-20 องศา ซึ่งเป็นเลนส์ที่เหมาะสมและลดแสงสะท้อนจากจอภาพ แต่แตกต่างจากเลนส์อ่านหนังสือหรือมองใกล้ทั่วไป


ส่วนตัวคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่นั้น ก็ควรจัดตำแหน่งให้เหมาะสมโดย ปรับความสูงของจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ระยะห่างควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว ระดับจอภาพ จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว



ส่วนตำแหน่งของหน้าจอนั้นไม่ควรให้สะท้อนกับแสงหรืออยู่ตรงกันข้ามกับ หน้าต่าง ควรใช้ฉากกั้นเพื่อลดปริมาณแสง ควรจัดวางคีย์บอร์ดและเม้าส์ต่ำกว่าระดับข้อศอก พร้อมปรับความสูงของเก้าอี้ให้เหมาะสม และเลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ชนิด LCD (จอแบน) ก็ช่วย ถนอมสายตา กว่าจอแบบเก่า (CRT) อีกด้วย


ด้านสถานที่ทำงาน หรือออฟฟิศ ก็ควรมีการจัดแสงสว่างให้เหมาะสมโดย ไม่สว่างมากเกิน ไปควรปิดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์บางส่วน ใช้แผ่นลดแสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำจากวัสดุต่างกัน เช่นผ้าตาข่าย หรือกระจก ซึ่งช่วยมองให้เห็นตัวอักษรได้ดีกว่า หรือปรับการเลือกใช้ตัวอักษรที่ใหญ่พอและปรับความเข้มของตัวอักษรให้เข้มขึ้น



โดยสังเกตได้จากการที่ยังสามารถอ่านตัวอักษรขนาดดังกล่าวได้ที่ระยะห่าง เป็น 3 เท่าของระยะทำงาน




ทราบวิธีถนอมสายตาด้วย แบบต่างๆแล้ว คราวนี้ก็มาถึงตัวคุณเองแล้วว่าเลือกปฏิบัติเพื่อดวงตาของคุณหรือเปล่า หากคุณกำลังคร่ำเคร่งกับงานอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ลองหยดน้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื้น ให้แก่ดวงตาคุณบ้างก็จะช่วยได้ไม่น้อย หรือ กะพริบตาให้บ่อยขึ้น เพื่อพักสายตาของคุณยังไงล่ะ




จบแล้วจร้า !!! >*< สนใจก็สามารถนำมาใช้ใด้นะ ^^! >ไม่มีลิขสิทธิ์< 555+



ChiC...ii...ที่สุดแล้ว...555+