วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิธีเก็บรักษาไส้กรอกเยอรมันรมควันและขาหมูเยอรมันรมควัน Giant Smoky




































วิธีเก็บรักษาไส้กรอกเยอรมันรมควันและขาหมูเยอรมันรมควัน Giant Smoky

เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง -5 องศาเซลเซียสได้นานกว่า 3 เดือน หรือช่องแช่แข็ง -20 องศาเซลเซียสได้นานกว่า 12 เดือน

วิธีการทอดไส้กรอกเยอรมันรมควัน Giant Smoky
ปล่อยให้ไส้กรอกคลายความเย็นลงอย่างทั่วถึง โดยการแช่ตู้เย็นช่องแช่เย็นธรรมดาหรือไว้ที่อุณหภูมิห้อง
อุ่นกระทะเคลือบเทฟล่อนด้วยไฟอ่อนจนกระทะร้อนแล้วจึงเอาไส้กรอกลงไปกลิ้งจนร้อนทั่วถึงทั้งภายนอกและภายในไส้กรอก
ไส้กรอกที่ผิวเกรียมแต่ไม่แตกจะอร่อยกว่า
วิธีการทอดขาหมูเยอรมันรมควัน Giant Smoky
ปล่อยให้ขาหมูคลายความเย็นลงอย่างทั่วถึง โดยการแช่ตู้เย็นช่องแช่เย็นธรรมดาหรือไว้ที่อุณหภูมิห้อง
ถ้าทอดครั้งเดียวจะกรอบไม่นาน ถ้าทอด 2 ครั้งอย่างถูกวิธีจะกรอบนานกว่ามาก
การทอดครั้งแรก อุ่นน้ำมันปริมาณมากพอจะท่วมขาหมูด้่วยไฟอ่อนจนร้อนแล้วจึงใส่ขาหมูลงไปทอด
ทอดขาหมูจนหนังเริ่มพอง นำขึ้นบริโภคได้ หรือถ้าหากต้องการทอด 2 ครั้งให้พักไว้จนหายร้อน
เมื่อจะบริโภคให้อุ่นน้ำมันด้วยไฟแรงจนร้อนแล้วจึงใส่ขาหมูที่พักไว้ลงไปทอด
ทอดจนหนังพองกรอบสีเหลืองสวย เสิร์ฟบริโภคกับผักกาดเปรี้ยว (Sauerkraut) หรือน้ำจิ้มซีฟู้ด มันฝรั่งทอด (frenchfried potato) หรือบด (mashed potato)

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วาซาบิ !!!














ในการรับประทานอาหารญี่ปุ่นครั้งหน้า เมื่อถ้าคุณจะแต้มเครื่องปรุงรสสีเขียว ๆ ลงไปในปลาดิบที่คุณชอบ คุณน่าจะลองนึกถึงประโยชน์ต่อร่างกายที่คุณกำลังจะได้รับเข้าไปด้วย เพราะจากการศึกษาล่าสุดพบว่า วาซาบิ เครื่องปรุงรสเผ็ดสีเขียวของชาวญี่ปุ่นนั้น มีคุณประโยชน์ทางยาอย่างหลากหลาย


โตชิโอะ ลิยาม่า หัวหน้าทีมวิจัยวาซาบิ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว ระบุว่า วาซาบิ มีผลในการฆ่าเชื้อโรค มันสามารถต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด และยังสามารถกำจัดพยาธิ Anisakis พยาธิ ที่อาศัยอยู่ในปลาได้ เมื่อมันผ่านเข้ามาในระบบการย่อยอาหารของมนุษย์ และเมื่อไม่นานมานี้ ยังมีการศึกษาพบอีกว่า วาซาบิ ยังมีฤทธิ์ต่อต้านสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นผลดีต่อผิวหนัง และยังช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ด้วย

การปลูกวาซาบินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องลงทุนค่อนข้างสูง พืชชนิดนี้ มักจะปลูกในที่โล่ง แต่จะต้องมีการจำกัดปริมาณแสงแดด ไม่ให้ส่งลงมาถูกต้นพืชโดยตรง ในช่วงฤดูร้อน เมื่อไม่นานมานี้ เกษตรกรชาวญี่ปุ่น ถูกแย่งตลาดด้วยการสั่งนำเข้าต้นพืชที่มีกรรมวิธีการปลูกสมัยใหม่ และราคาถูกกว่า จากไต้หวันและฟิลิปปินส์แม้ว่าผลิตผลของพวกเขาจะมีรสเผ็ดเกินกว่าที่จะนำมารับประทานเดี่ยว ๆ แต่ก็ได้รับการสั่งนำเขาจำนวนมาก จากบริษัทใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อที่จะนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่น ๆ เช่น หัวไชเท้าและเครื่องเทศ ที่เรียกกันว่า เนริ-วาซาบิ และตลาดของเครื่องปรุง เนริ-วาซาบินี้ มีมูลค่าถึง 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในขณะที่วาซาบิแบบดังเดิม มีมูลค่าในตลาด 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี
เมื่อวาซาบิ คืบคลานจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น กลายมาเป็นเครื่องปรุงระดับสากล จึงมีการค้นคว้ากัน ทั้งในแง่ของคุณค่าทางวิทยาศาตร์ และศิลปะในการปรุงอาหาร ที่จะได้รับการยอมรับในวงกว้างต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

5 เรื่องธรรมดา ที่แอบร้าย

1. การใช้แปรงสีฟันร่วมกันการใช้แปรงสีฟัน ร่วมกันนั้นจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากที่สะสมนั้น มีมากขึ้นในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกันนานๆ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดคนที่เราใช้แปรงร่วมด้วยไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย

2. ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ ขอร้องเลยว่า อย่าทำให้มือแห้งด้วยเครื่องเป่ามือตามที่สาธารณะทั่วไป เพราะท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้น ควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้ง เดียวเท่านั้น


3. การนั่งบนชักโครกสาธารณะ เวลาสาวๆ นั่งปัสสาวะหรือจะถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะหรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้น ก่อนเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกครั้ง เช็ดให้สะอาดด้วยกระดาษชำระชุบน้ำ แล้วตามด้วยกระดาษชำระที่แห้งวางทับบนโถรองนั่งก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ได้ผลแน่นอน


4. การกลั้นจาม คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจาม แต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้น การยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้


5. กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ การรับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะ เนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์


ศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ (ภาษาอังกฤษ: Impressionism ) เป็นขบวนการศิลปะที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่สิบเก้า ซึ่งเริ่มต้นจากการรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ของจิตรกรทั้งหลายที่มีนิวาสถานอยู่ในกรุงปารีส พวกเขาเริ่มจัดแสดงงานศิลปะในช่วง ทศวรรษที่ 1860 ชื่อของขบวนการนี้มีที่มาจากภาพวาดของ โคลด โมเนท์ ที่มีชื่อว่า Impression , Sunrise และนักวิจารณ์ศิลปะนามว่า Louis Leroy ก็ได้ให้กำเนิดคำ ๆ นี้ขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจในบทวิจารณ์ศิลปะเชิงเสียดสีซึ่ง ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Le Charivari อิทธิพลของอิมเพรสชั่นนิสม์ ยังแผ่ออกจากวงการศิลปะไปยังดนตรีและ วรรณกรรม
ลักษณะ
ลักษณะของภาพวาดแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ คือ การใช้พู่กันตระหวัดสีอย่างเข้มๆ ใช้สีสว่างๆ มีส่วนประกอบของภาพที่ไม่ถูกบีบ เน้นไปยังคุณภาพที่แปรผันของแสง (มักจะเน้นไปยังผลลัพธ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา) เนื้อหาของภาพเป็นเรื่องธรรมดาๆ และมีมุมมองที่พิเศษ
จิตรกรแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ ได้ฉีกกรอบการวาดที่มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจึงได้ชื่อว่าเป็นพวกขบถ พวกเขาได้วาดภาพจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในปัจจุบันให้ดูประหลาดและไม่สิ้นสุดสำหรับสาธารณชนที่มาดูงานของพวกเขานักวาดแนวนี้ปฏิเสธที่จะนำเสนอความงามในอุดมคติ และมองไปยังความงามที่เกิดจากสิ่งสามัญแทน พวกเขามักจะวาดภาพกลางแจ้ง มากกว่าในห้องสตูดิโอ อย่างที่ศิลปินทั่วไปนิยมกัน เพื่อที่จะลอกเลียนแสงที่แปร เปลี่ยนอยู่เสมอในมุมมองต่างๆ
ภาพวาดแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ ประกอบด้วยการตระหวัด พู่กัน แบบเป็นเส้นสั้นๆ ของสีซึ่งไม่ได้ผสมหรือแยกเป็นสีใดสีหนึ่ง ซึ่งได้ให้ภาพที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีชีวิตชีวา พื้นผิวของภาพวาดนั้นมักจะเกิดจากการระบายสีแบบหนาๆ ซึ่งทำให้พวกเขาแตกต่างจากนักเขียนยุคเก่าที่จะเน้นการผสมผสานสีอย่างกลมกลืนเพื่อให้ผู้อื่นคิดว่ากำลังมองภาพวาดบนแผ่นแฟรมให้น้อยที่สุด องค์ประกอบของอิมเพรสชั่นนิสม์ ยังถูกทำให้ง่ายและแปลกใหม่ และจะเน้นไปยังมุมมองแบบกว้างๆ มากกว่ารายละเอียด

โคลด โมเนท์


โกลด โมเน (ภาษาฝรั่งเศส: Claude Monet หรือ Oscar-Claude Monet หรือ Claude Oscar Monet) (14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1840 - 5 ธันวาคม ค.ศ. 1926)[1] เป็นจิตรกรสมัย อิมเพรสชั่นนิสม์ และเป็นจิตรกรคนสำค้ญของ ประเทศฝรั่งเศส ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึง 20 มีความสำคัญในการเป็นผู้ริเริ่มศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์และมีบทบาทสำคัญในปรัชญาและการปฏิบัติของขบวนการนี้ ซึ่งเป็นการวาดภาพจากความประทับใจในสิ่งที่เห็นของผู้วาด (perception) แทนที่จะพยายามทำให้เหมือนจริงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในจิตรกรรมภูมิทัศน์ (Landscape painting) คำว่า “Impressionism” มาจากชื่อภาพเขียนของโมเนเองชื่อ “Impression, Sunrise” (ความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้น)