วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

รักแร้ดำ ทำไงดี

ตามปกติแล้วผิวใต้วงแขนจะมีสีคล้ำกว่าผิวส่วนอื่นๆ เล็กน้อยเพราะเป็นส่วนที่ผิวย่นมารวมกันเหมือนคอ หรือบริเวณขาหนีบ แต่หากผิวส่วนนี้ดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่นอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้น รักแร้เป็นผิวหนังที่บอบบาง ประกอบด้วยต่อมเหงื่อและรูขุมขนจำนวนมาก ซึ่งต่อมเหงื่อของคนเรามี 2 ประเภท คือต่อม Eccrine ที่มีอยู่ทั่วร่างกายทำหน้าที่ผลิตเหงื่อ ลดอุณหภูมิของร่างกาย และต่อม Apocrine ซึ่งพบในพื้นที่เฉพาะเช่นรักแร้ ราวนม(ในบางคน) บริเวณอวัยวะเพศ และขาหนีบ เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น (อายุ11-12 ปี) ต่อม Apocrine จะสร้างสารเคมีที่มีกลิ่นเฉพาะตัวเรียกว่า "กลิ่นตัวหรือกลิ่นกาย" บอกถึงความเป็นหนุ่มสาว เป็นเสน่ห์ แต่ละคนมีต่อม Apocrine ไม่เท่ากัน

หากมีมากเหงื่อบริเวณรักแร้จะมากตามไปด้วย ประกอบกับว่าบริเวณนี้มีเชื้อแบคทีเรียอาศัยอยู่ กลิ่นกายจึงอาจเปลี่ยนเป็นกลิ่นตัวได้ค่ะโดยทั่วไปแล้วเราสามารถแก้ปัญหากลิ่นตัวได้ง่ายๆ โดยกำจัดเชื้อแบคทีเรียให้มากที่สุด เช่น อาบน้ำบ่อยๆ ชำระล้างเหงื่อออก ใช้สบู่ฆ่าเชื้อทำความสะอาด ใช้ยาระงับกลิ่นกาย ขจัดขนรักแร้ออกให้หมดเพื่อลดการสะสมของเหงื่อ และกำจัดที่อยู่ของเชื้อแบคทีเรีย


แต่ในคนที่มีปัญหามาก อาจต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเพื่อใช้ยาปฏิชีวนะแบบครีม ทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น นีโอมัยซิน หรือ เจนต้ามัยซินครีม และถึงแม้ว่ายาทั้งสองแบบจะมีขายตามร้านขายทั่วไป แต่ก็ไม่ควรซื้อมาใช้เองเพราะอาจเกิดอาการแพ้ยาได้


นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท็อกที่รักแร้ เพื่อลดเหงื่อให้น้อยลงและแห้งสนิทภายใน 7 วัน โดยการฉีด 1 ครั้ง สามารถลดเหงื่อได้ 4-6 เดือน เมื่อยาหมดฤทธิ์เหงื่อจะไหลอีก ซึ่งต้องอาศัยการฉีดซ้ำ ค่ารักษาประมาณครั้งละ 10,000 - 12,000 บาทโรลออนกับสารก่อมะเร็งแม้จะเคยมีข่าวว่าสารอลูมิเนียมในโรลออนอาจทำให้ผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านม แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเป็นจริง และโดยปกติสารอลูมิเนียมไม่สามารถซึมเข้าร่างกายได้เหมือนสารปรอทและตะกั่ว จึงไม่น่าทำอันตรายต่อร่างกายได้ ยกเว้นผู้มีอาการแพ้สารอลูมิเนียมในบางคนที่อาจเกิดรอยดำหรืออักเสบ ควรแก้ไขด้วยการเปลี่ยนโรลออนที่ใช้สารอื่นแทน

สารส้ม (Alum) หรือเกลือเชิงซ้อน ที่มีสารอลูมิเนียมและซัลเฟตเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ คนไทยโบราณรู้จักใช้มานานแล้ว สารส้มไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่เปื้อนเสื้อผ้า และปลอดภัยกับร่างกายเพราะไม่อุดตันรูขุมขน ใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย ทั้งใต้วงแขน เท้า ช่วยระงับกลิ่นได้ดี และด้วยคุณสมบัติความเป็นด่างในตัว เมื่อมาเจอกับความเป็นกรดของเหงื่อจึงหักล้างกันทำให้กลิ่นตัวหมดไป และ สารส้มยังสามารถใช้ทาส้นเท้าป้องกันและรักษาส้นเท้าแตก หรือทาแก้คันตามผิวหนังเมื่อยุงกัดหรือคันจากสาเหตุอื่นได้อีกด้วย ปัจจุบันมีผู้นำสารส้มมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นทั้งรูปแบบของโรลออน สเปรย์ แป้ง กันหลายยี่ห้อ ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศเพราะปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ


ส่วนปัญหารักแร้ดำ ทำไงดี ตามปกติแล้วผิวใต้วงแขนจะมีสีคล้ำกว่าผิวส่วนอื่นๆ เล็กน้อยเพราะเป็นส่วนที่ผิวย่นมารวมกันเหมือนคอ หรือบริเวณขาหนีบ แต่หากผิวส่วนนี้ดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่นอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้น ควรพิจารณาหาสาเหตุและรักษาอย่างเร่งด่วนปัญหารักแร้ดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ การสัมผัสสารเคมีอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยดำ จากน้ำหอม สารกันเสีย หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Triclosan, Triclocarban, Irgosan ในยาระงับกลิ่นกาย การรักษาจึงต้องแก้ไขตามอาการ หากเป็นการแพ้น้ำหอม ควรเปลี่ยนไปใช้โรลออนชนิดที่ไม่มีสารสร้างกลิ่นหอมที่ระบุว่า "Fragrance-Free" โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลาก หากมีชื่อสารที่แพ้ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาระงับกลิ่นแบบอื่นแทน

ความอ้วนและการเสียดสีก็เป็นอีกสาเหตุของรักแร้ดำได้ การแก้ไขจึงควรลดน้ำหนักและใช้ยาลดรอยดำ หรือไวท์เทนนิ่งทาควบคู่กัน


แต่ไม่ควรใช้กลุ่มที่มีกรดผลไม้ ไม่ว่า AHA หรือ BHA เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองยิ่งขึ้น แต่ถ้ารักแร้ดำและนูนเหมือนกำมะหยี่ (มักพบในคนเป็นโรคเบาหวาน)

ควรพบแพทย์ทันทีค่ะอย่างไรก็ตามการรักษาปัญหารักแร้ดำควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นผู้วิเคราะห์สาเหตุเพื่อให้ได้ผลตรงกับอาการและรักษาได้ถูกวิธีที่สุด เพราะหากซื้อยามาใช้เองอาจทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น


ทำไมจึงเป็นหนังไก่ปัญหาหนังไก่บริเวณรักแร้เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ การถอนขนรักแร้และขนคุดรักแร้เป็นส่วนที่มีเส้นขนปกคลุมเพื่อลดการเสียดสีของผิวหนังใต้วงแขน แต่การกำจัดขนด้วยการถอนอย่างรุนแรงหรือการแว็กซ์บ่อยครั้งจะทำให้รูขุมขนเด่นชัดขึ้น ดูคล้ายหนังไก่


ทั้งยังจำกัดทางขึ้นของขนเส้นใหม่ กลายเป็นขนคุดอยู่ภายใน มองเห็นเป็นหนังไก่ได้เช่นกันการรักษาหนังไก่จึงควรเปลี่ยนวิธีการกำจัดขน อย่าถอนขนรุนแรง เมื่อผ่านไปสักระยะรูขุมขนจะยุบตัวลงเช่นเดิม ปัญหาหนังไก่ก็จะหมดไปค่ะนานา


วิธีกำจัดขน การกำจัดขนรักแร้เดี๋ยวนี้ทำได้ไม่ยุ่งยากและมีหลายวิธีได้แก่การโกน เป็นวิธีที่ง่าย เร็ว สะดวก แต่ขนที่ขึ้นใหม่แข็งและหยาบขึ้น เพราะขนที่ขึ้นใหม่ปลายจะตรง ปัญหาของการโกนคือ ขนที่ขึ้นใหม่จะเป็นตอ หากขูดผิวมากๆ อาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และต้องทำบ่อย

การถอน เป็นวิธีที่สะดวก ทำให้ขนถูกถอนออกมาทั้งเส้นแต่ปัญหาคือยุ่งยากเสียเวลาและอาจทำให้เกิดปัญหาขนคุดและหนังไก่ได้ การใช้ครีมกำจัดขน อาจทำโดยแว็กซ์ขี้ผึ้งร้อน หรือเย็นแปะผ้าลงไปแล้วดึงย้อนขึ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับรูขุมขน

การแว็กซ์ มีข้อดีคือทิ้งช่วงได้นานถึง 6 สัปดาห์ เพราะขนขึ้นช้าทำให้ไม่ต้องทำบ่อยๆ และขนใหม่อ่อนนุ่มขึ้น แต่มีข้อเสียคือ หากกระตุกแรงอาจมีรากขนขาดเกิดเป็นขนคุดอยู่ข้างใน หรืออาจเกิดการระคายเคืองในบางคน การทำลายขนกึ่งถาวร เป็นการถอนขนด้วยเลเซอร์ เช่น ชนิดเอ็น ดี แยค (Nd: YAG Laser) หรือใช้แสงทำลายตำแหน่งสร้างขนโดยตรงที่เรียกว่า "Aestilight" การใช้แสงเลเซอร์กำจัดขนต้องเลือกใช้เครื่องที่มีความยาวคลื่นเหมาะกับการกำจัดขน เช่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ใช้กำจัดขนได้ดีมีผลข้างเคียงน้อย ทำได้ดีในคนผิวสีเพราะไม่ทิ้งรอยดำ แต่หากเป็นคลื่นที่สั้นหรือยาวเกินไปอาจทิ้งรอยดำได้ การกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์ต้องทำ 4ครั้งขึ้นไป ค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-18,000 บาท โดยผลการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 6 ปี


ที่มา : ยันฮ๊

งานกาชาด 2553

- กุลยา เผ่าจินดา นายกสมาคมแม่บ้านทหารบกเป็นประธานแถลงข่าวจัดงาน กาชาดประจำปี 2553 กำหนดจัดงาน ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 7เมษายน บริเวณสวนอัมพร และลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อหารายได้ทูลกระหม่อมถวาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย ณ ห้องฉัตรทอง สโมสรทหารบก สี่เสาเทเวศร์.

งานสัปดาห์หนังสือ 2553


งานหนังสือ 2553 กลับจัดอีกครั้งกับงาน งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 38 และ งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นในช่วง วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยวันที่ 26 มีนาคม 2553 งานจะเปิดช่วงเวลา 18.00 – 21.00 น. ส่วนวันที่ 27 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2553 งานจะเปิดช่วงเวลา 10.00 – 21.00น.งานที่คนรักการอ่านไม่ควรพลาด งานนี้จัดภายใต้แนวคิด “การอ่านทำให้เป็นคนโดยสมบูรณ์” (Reading maketh a full man by Francis Bacon) พบกับเสำนักพิมพ์ชั้นนำต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่นำหนังสือและสื่อการศึกษามากกว่า 450 แห่ง ในราคาสุดพิเศษ นอกจากนี้ งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมงานในฐานะ Guest of Honor ซึ่งจะนำหนังสือและศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของญี่ปุ่นมาแสดงให้เหล่านักอ่านได้อ่านและชมกันอย่างจุใจ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

ลูบคมโอบามา แฮก'ทวิต' โจ๋น้ำหอมแสบ


เจ้าหน้าที่ ตำรวจฝรั่งเศส จับกุมตัวแฮกเกอร์หนุ่มชาวเมืองน้ำหอมวัย 25 ปี แต่ไม่เปิดเผยชื่อ หลังจากก่ออาชญากรรมออนไลน์ด้วยการ แฮกเข้าทวิตเตอร์ส่วนตัวของ "บารัค โอบามา" ผู้นำสหรัฐฯ..สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า หนุ่มวัย 25 ปี ไม่เปิดเผยชื่อ แต่ใช้ชื่อบนโลกไซเบอร์ว่า "HackerCroll" ถูกจับกุมตัวหลังจากที่ไปแฮกทวิตเตอร์ส่วนตัวของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมทั้งขโมยข้อมูลส่วนตัวของเซเลบคนอื่นๆ เช่น บริตนีย์ สเปียร์ส อเดเลียง ช็องปานาต์ หัวหน้าฝ่ายต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ของฝรั่งเศส บอกว่า แฮกเกอร์คนนี้ เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันจำนวนมาก และในนั้นก็มี บารัค โอบามา รวมอยู่ด้วย โดยหนุ่มแดนน้ำหอมคนนี้มีแรงบันดาลใจมาจากความท้าทายในภารกิจ และดูจะสนใจชีวิตส่วนตัวของเหยื่อมากกว่าข้อมูลล่อแหลมอื่นๆทั้งนี้ ช็องปานาต์ และทีมเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส ได้ตามหาตัวแฮกเกอร์คนนี้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน โดยเชื่อว่าเจ้าตัวทำงานแบบฉายเดี่ยว ซึ่ง ช็องปานาต์ กล่าวว่า แฮกเกอร์หนุ่มเชื่อมั่นในตัวเองว่าเขามีความสามารถในด้านนี้ และเขาก็มีจริงๆซะด้วย.

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

สหภาพยุโรป [[ EU ]]


สหภาพยุโรป (อังกฤษ: European Union : EU) เป็น องค์การระหว่างประเทศ ที่ประกอบด้วยรัฐสมาชิก 27 ประเทศ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ภายใต้ สนธิสัญญามาสทริชต์ แทนที่ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC)
สหภาพยุโรปมีอิทธิพลสูงต่อเวทีโลก เนื่องด้วยมีประชากรกว่า 500 ล้านคนและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ คิดเป็นกว่า 30% ของโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม

สหประชาชาติ UN




สหประชาชาติ (อังกฤษ: United Nations; ตัวย่อ: UN) หรือ องค์การสหประชาชาติ (ตัวย่อ: UNO) เป็นองค์การระหว่างประเทศ ซึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อให้เกิดร่วมมือกันของกฎหมายระหว่างประเทศ ความมั่นคงระหว่างประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม สิทธิมนุษยชน และบรรลุสันติภาพโลก สหประชาชาติถูกก่อตั้งขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงในปี พ.ศ. 2488 เพื่อแทนที่ สันนิบาตชาติ ในการยับยั้ง สงคราม ระหว่างประเทศ และเพื่อเป็นเวทีสำหรับการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาท

สหประชาชาติมี 5 องค์กรหลักเพื่อปฏิบัติตามภารกิจ


สหประชาชาติมีสมาชิกทั้งหมด 192 ประเทศ มี สำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก ระบบสหประชาชาติอยู่บนพื้นฐานของ 5 องค์กรหลัก ได้แก่

สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ
สำนักงานเลขาธิการแห่งสหประชาชาติ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีองค์กรอื่น ๆ อีกเช่น องค์การอนามัยโลก ยูเนสโก และยูนิเซฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มักเป็นที่รู้จักและปรากฏตัวต่อสาธารณชนคือ เลขาธิการสหประชาชาติ ปัจจุบันผู้ดำรงตำแหน่งนี้ คือ นายบัน คี มุน ชาวเกาหลีใต้ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2007 ต่อจากโคฟี อันนัน

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความสงบ




ความสงบนั้นหมายถึง ความไม่วุ่นวาย ความ ไม่ดิ้นรน ความไร้ซึ่งปัญหาความเดือดร้อน ไร้ซึ่งปัญหาหนักหน่วงถ่วงจิตใจ ไร้ความขัดแย้ง เป็นความราบรื่น เย็นใจ ไม่เร่าร้อน หรือถูกกดดัน ซึ่ง อาจเรียกอีกอย่างว่า วิเวก หรือ สันติ ก็ได้ ความสงบเป็นความสุขที่มีอยู่ในตัวเราทุกๆ คน เราสามารถทำให้เกิด ทำให้เจริญขึ้นได้อย่างง่ายดาย และเป็นความสุขที่ลึกซึ้ง ลุ่มลึกเย็น และอิ่มเอิบ หาความสุขใดเทียบได้ยาก แม้พระพุทธองค์เองท่านยังสรรเสริญความสุขที่เกิดจากค วามสงบว่าเป็นสุดยอดแห่งความสุขชนิดหนึ่ง ความสงบโดยธรรมชาติของมันแล้ว จะทำ ให้เกิดความสุขที่ไม่รุ่มร้อน เป็นความสุขที่เยือกเย็น เป็นความสุขที่บริสุทธิ์ ความสุขอันเกิดจากความสงบนั้นเกือบไม่ต้องพึ่งพิงอาศ ัยสิ่งภายนอกเป็นปัจจัยเลย เรียกว่า เราทำได้เองโดยไม่ต้องอาศัยผู้ใดหรือสิ่งอื่นใด เราสามารถทำให้มันเกิดขึ้น ปรากฏขึ้นแก่จิตใจของเราเอง เป็นความสุขอันลึกซึ้ง ที่เกิดในจิตใจเราเองโดยไม่ได้เบียดเบียนผู้ใดทั้งสิ ้น และเมื่อความสงบในจิตใจเราพัฒนาเพิ่มขึ้น สูงขึ้น ละเอียดลึกซึ้งขึ้น ก็ยิ่งทำให้จิตใจเราโปร่งเบา ฉลาด แหลมคม ไม่หนักหน่วงมืดมน สามารถมองเห็นธรรมชาติทุกอย่างตามความเป็นจริงได้โดย ง่าย และความสงบยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้จ ิตใจของมนุษย์ พัฒนาไปสู่สภาวะแห่งความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิงอีกด้วย ลองพิจารณาดู คนเราเวลาไปเดินตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่มากไปด้วยผู ้คน และความวุ่นวาย, หรือ คนที่ทำงานอย่างเคร่งเครียด ตรากตรำ ทำงานทั้งวันเพื่อให้ได้เงินมากๆ, พอเราได้หยุดพัก กลับบ้านพักผ่อนจะเป็นเวลาที่เรารู้สึกสบายที่สุด ; เวลาฟังเพลงที่อึกทึกครึกโครมหรืออยู่ในสถานที่ที่มี มลพิษทางเสียงมากๆ เวลาที่เงียบสงบจากสิ่งเหล่านั้น ก็จะเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายใจ




ความสุขจากการแสวงหาสิ่งภายนอกนั้น ช่วง เวลาที่เราได้สมหวังดังปรารถนา ได้สิ่งนั้นๆ มาเป็น ช่วงที่เรามีความสุขที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้สุข เพราะความสมหวังอย่างเดียว แต่มันมีความสุขที่เกิดขึ้นพร้อมกันที่แฝงตัวอยู่อีก อย่างหนึ่ง คือความ สุขจากการหยุดดิ้นรน ความสุขจากการได้พักผ่อน จิตใจที่ได้กระเสือกกระสนมาตลอดเส้นทางแห่งการแสวงหา นั้น ความสุขจากการสมหวังสมปรารถนานั้นมันไม่ใช่ความสุขที ่ละเอียดลึกซึ้งเท่าใดนักมันไม่เย็นใจสงบใจ เพราะมันยังแฝงไปด้วยความกลัว ความตื่นเต้นร้อนรน และความทุกข์ แต่ความสุขที่เกิดควบคู่กันเพราะความสงบกาย สงบใจจากการสิ้นสุดการแสวงหาดิ้นรนนั้น แม้เพียงชั่วเวลาหนึ่งก็ตาม มันก็เป็นความสุขที่ละเอียด เยือกเย็นกว่า แล้วทำไมเราต้องไปเสียเวลาบีบคั้น กดดันตนเองเพื่อให้แสวงหาอะไรๆ ต่างๆ มากมายมาเพื่อ สร้างความสุข แล้วก็กลับไปได้ความสุขแบบปลอมๆ สุขที่เจือทุกข์มาอีกเล่า ทำไมเราไม่หัดฝึก กายฝึกใจเพื่อให้ได้ความสุขที่บริสุทธิ์กว่า จากความ สงบโดยตรงมันจะไม่ดีกว่าหรือ? มันไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ตัวอย่างที่ยกมาเหล่านี้ ล้วนเป็นความสุขจาก ความสงบที่เราประสบพบอยู่เป็นประจำ แต่เราอาจ ไม่รู้จักมัน สิ่งพวกนี้มีได้ง่ายๆ สร้างได้ง่าย แม้จะยังเป็นความสงบที่ยังไม่ละเอียดนัก แต่มันก็ให้ ความสุขที่บริสุทธิ์กว่าความสุขแบบพึ่งพิงมากมาย ความสงบหรือวิเวกนั้นสามารถแยกออกได้ตามลำดับขั้นของ ความละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งแต่ละขั้นแต่ละลำดับก็ล้วนมีผลส่งเสริมต่อกันและ กัน เราพอจะแยกความสงบออกได้ง่ายๆ 3 อย่างคือ กายวิเวก จิตวิเวก และอุปธิวิเวก หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ อีกอย่างก็คือ ความสงบกาย ความสงบจิตใจ และความสงบทางจิตญาณ เมื่อมีกายวิเวก ก็จะส่งเสริมให้เกิดจิตวิเวกได้ง่ายขึ้น เมื่อมีกายวิเวกและจิตวิเวกก็จะส่งเสริม ให้เกิดอุปธิวิเวกได้ง่ายขึ้น เมื่อมีอุปธิวิเวกก็ส่งเสริม ให้เกิดจิตวิเวกได้ง่ายขึ้นอีกเช่นเดียวกัน ทั้งหมดจึงล้วนเป็นสิ่งที่เกื้อหนุน ส่งเสริมต่อกัน ดังจะขอกล่าวถึงรายละเอียดในแต่ละเรื่องของวิเวกดังต ่อไปนี้ กายวิเวก (ความสงบกาย) ความสงบขั้นนี้เป็นความสงบขั้นแรก ที่หยาบที่สุดมีความละเอียดความลึกซึ้งน้อยที่สุด แต่ก็ทำให้เกิดความสุขที่ละเอียดดีงามสงบเย็นกว่าควา มสุขอันเกิดจากการแสวงหาสิ่งภายนอกมากมายนัก ความสงบชั้นนี้ทำให้เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด หรือแทบจะเรียกได้ว่าไม่ต้องมีการดำเนินจิต ฝึกจิตอันใดมากมาย คำว่ากายวิเวกจะพูดง่ายๆ ก็หมายถึง กายภาพวิเวก คือ เป็นความสงบทางกายภาพ หรือ ความสงบที่เกิดจากสภาวะของร่างกายและสิ่งแวดล้อมที่ส งบ เหมือนดังตัวอย่างที่ยกไปแล้วบ้างขั้นต้น การที่ได้พักกาย พักการกระทำ พักจิตใจ จาก ความสับสนวุ่นวาย ไม่ว่าจะพักอยู่ที่บ้าน หรือหนีความวุ่นวายไปเที่ยวตามธรรมชาติ ป่าเขา ลำเนาไพรซึ่งเป็นที่สงบร่มเย็น จิตใจเราก็จะรู้สึกสบาย มีความสุข นี่ก็เพราะกายวิเวก เมื่อมีกายวิเวก ก็ส่งเสริมจิตวิเวก จิตใจที่เคยรุ่มร้อนก็จะค่อยๆ สงบ เย็นลงได้อย่างประหลาด พระพุทธองค์ท่านจึงแนะนำพระสงฆ์ สาวกที่บวชใหม่ทั้งหลายให้ออกไปหาสถานที่ที่สงบวิเวก ต่างๆ เช่น ป่า เขา ลำเนาไพร ถ้ำ เงื้อมผา เรือนร้าง ประกอบการบำเพ็ญจิตภาวนา เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริงและความหลุดพ้นในที่สุด






สถานที่ที่วิเวก สิ่งแวดล้อมที่วิเวก ก็หมายถึง สถานที่ที่มีสิ่งกระตุ้นจิตใจน้อย สถานที่ที่มีความสงบเย็นอยู่ในตัว ปราศจากสิ่งเร่าร้อน สิ่งเร้า สิ่งยั่วยวนและปราศจากความวุ่นวายทั้งหลายที่จะคอยกร ะตุ้นจิตใจมนุษย์ให้เกิดความทะเยอทะยานอยากได้ อยากแสวงหาไปกับมัน สถานที่แบบนี้จึงมีคุณประโยชน์มากกับจิตใจมนุษย์ มันเป็นเหมือนอาหารอันวิเศษแก่จิตใจ มันจะช่วยปรับสภาพและซึมซับความร้อนรุ่มในจิตใจมนุษย ์ และช่วยหล่อหลอมจิตใจให้ค่อยๆ คืนกลับสู่สภาพสมดุล สถานที่พวกนี้มักอยู่ในธรรมชาติหรือเกี่ยวกับธรรมชาต ิที่เป็นธรรมชาติจริงๆ มักไม่ใช่สิ่งของ วัตถุ หรือสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้น มนุษย์ที่อยู่กับสถานที่เหล่านี้เป็นประจำ จึงมักมีจิตใจที่อ่อนโยน เยือกเย็น โอบอ้อมอารี และมีเมตตา ยิ่งถ้าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมด้วยแล้วยิ่ง จำเป็นต้องอาศัยสถานที่เหล่านี้เป็นอย่างมาก เพื่อ การหล่อหลอมจิตใจให้สงบเย็น เพื่อเกิดปัญญาอันแท้จริงได้ง่าย มนุษย์ปุถุชนทั่วไปก็สมควรอย่างยิ่งที่จะหาเวลาอยู่ใ นสถานที่เหล่านี้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตามวัดป่าที่มีบรรยากาศร่มรื่น ตามป่าเขา ลำธาร น้ำตก ทะเลหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติทั้งหลาย ที่มีผู้คนไม่จอแจนัก สถานที่เหล่านี้จะคอยเยียวยา จิตใจของมนุษย์ จะทำให้จิตใจมนุษย์นั้นสงบเย็นลง เกิดความสุขความเย็นใจได้อย่างอัศจรรย์




แม้ว่าความสุขที่เกิดจากกายวิเวกนี้ จำเป็นที่ จะต้องอาศัยสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมภายนอกมาทำให้เราเ กิดความสุข แต่มันก็ไม่ใช่เป็นความสุขที่ พึ่งพิง เพราะความสุขจากกายวิเวกนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อ เราอยู่ในสถานที่อันสงบเย็นและเราไม่ได้ไปยึดมั่นถือ มั่นมัน โดยความเกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง หรือยึดถือมาเป็นของตน เพราะถ้ามีความรู้สึกที่จะยึดถือหรือครอบครองสถานที่ นั้นๆ แล้ว มันก็ไม่เกิดความสุขจากกายวิเวก มันจะกลายเป็นความดิ้นรน แสวงหา เป็นตัณหาเผาใจเราแทน เพราะฉะนั้นความสุขจากกายวิเวกนี้ จึงเหมือนกับอาศัยสถานที่ของธรรมชาติที่สงบร่มเย็นเห ล่านี้ เป็นที่ปลดปล่อยอารมณ์ ความวุ่นวายใจ ความรุ่มร้อนที่มีอยู่ในใจออกไป ผ่อนคลายความยึดถือ ปล่อยวางความเป็นตัวตนออก จึงจะสัมผัสกับความสงบ เบาใจ ปลอดโปร่ง อันนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริงได้

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

หาวมีประโยชน์ ??

นักวิจัยทั่วโลกศึกษาสมองของคนเราเพื่อค้นหาส่ิงที่ทำให้สมองทำงาน ผลการศึกษาที่น่าสนใจของมหาวิทยาลัยในเมืองอัลบานีพบว่าการหาวช่วยสมองได้ แอนดรู ซี. แกลลัป และกอร์ดอน จี. แกลลัป จูเนียร์ สองนักวิจัยกล่าวว่า สมองคนใช้พลังงานได้มากถึงร้อยละ 33 ของพลังงานที่เราใช้ทั้งหมด และทำให้เกิดความร้อน

การหาวทำให้เซลล์สมองเย็นลงซึ่งช่วยให้เซลล์สมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักวิจัยพบอีกว่าการหาวช่วยให้เลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น และช่วยให้สมองทำงานอยู่ในระดับที่เหมาะสม พวกเขายังแนะด้วยว่า ในทางชีววิทยา คนที่เหนื่อยล้าจะหาวเพื่อให้รู้สึกตื่นตัวและปกป้องตนเองจากภยันตราย