ปิดฉากผู้สร้างตำนานแห่งวงการแฟชั่น Yves Saint Laurent

เมื่อเร็วๆ นี้วงการแฟชั่นของโลกต้องสุดอาดูร กับการจากไปของดีไซเนอร์ผู้ยิ่งใหญ่ของแฟชั่น อีฟ แซงต์ โลรองต์ หนึ่งในผู้สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ให้กับวงการแฟชั่นโลก เขาเป็นนักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่ได้รับเกียรติสูงสุด และได้รับการยกย่องจาก Metropolitan Museum of Art ในปี 1983 ให้เป็นนักออกแบบแฟชั่นหมายเลข 1 ของโลก ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และนำผลงานของเขาออกแสดงสู่สาธารณชนในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่นครนิวยอร์ก และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงจากประธานาธิบดี ฌากส์ ชีรัค ของฝรั่งเศส เมื่อปี2001

อีฟ แซงต์ โลรองต์ เป็นบุตรของประธานบริษัทประกันภัยชาวฝรั่งเศส แต่ถือกำเนิดที่เมืองออรัน ประเทศแอลจีเรีย ได้รับความรู้ทางด้านแฟชั่นเสื้อผ้าจากมารดา สร้างอิทธิพลให้เขาหลงใหลในการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น เขาเริ่มเล่าเรียนด้านการตัดเย็บในสถาบันการตัดเย็บ แต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายในกฎเกณฑ์เดิมๆ จนออกเดินทางเข้าสู่นครปารีส และก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นของปารีสเมื่อปี 1953 ด้วยการเข้าทำงานกับ Christian Dior ในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น ซึ่งนับเป็นโอกาสดีของชีวิตที่ได้ร่วมงานกับ ดิออร์ 4 ปีเต็ม และหลังจากที่ดิออร์จะเสียชีวิตในปี 1957 อีฟ แซงต์ โลรองต์ กลับได้เข้าไปกู้หายนะให้กับห้องเสื้อดิออร์ ไม่ให้ล่มสลายลงจากปัญหาเรื่องการเงิน ด้วยบทบังคับว่าชายฝรั่งเศสต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่ออายุ 21 ปี เขาจึงต้องปฏิบัติตาม และถูกส่งไปประจำการในยุทธภูมิสงคราม เพื่ออิสรภาพของแอลจีเรียประเทศที่เขาถือกำเนิด แต่เขาได้เข้าประจำการเพียง 20 วันเท่านั้นก็เกิดอาการทางประสาทอย่างรุนแรง จนถูกนำเข้ารับการบำบัดรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต ที่ใช้กรรมวิธีที่รุนแรงในการบำบัดหลายรูปแบบ ทั้งทางกายภาพ และถูกช็อตด้วยไฟฟ้า เพื่อให้เขาทุเลาจากอาการต่างๆ

อาการที่ดูเหมือนเป็นปกติภายหลังการรักษาที่ยาวนานเกือบ 5 ปี ช่วยให้เขากลับคืนสู่อาชีพได้ และก็โบกมืออำลาห้องเสื้อ Christain Dior พร้อมกับหันไปเปิดห้องเสื้อในชื่อของตัวเองเมื่อปี 1962 โดยการนำอักษรย่อ “YSL” เป็นเครื่องหมายการค้า ด้วยการสนับสนุนทางการเงินจาก ปิแอร์ แบรค์เช่ คู่รักผู้มองเห็นความสามารถของเขา ทำให้กิจการห้องเสื้อชั้นสูงเริ่มต้นอย่างสวยงาม และดำเนินไปได้อย่างราบรื่น จนชื่อเสียงของเขาดังกระฉ่อนข้ามไปโด่งดังในประเทศต่างๆ รวมถึงนิวยอร์ก ผลงานที่ใครๆ กล่าวถึงคือ การปฏิวัติการแต่งกายของสตรีให้ดูกระฉับกระเฉง และทะมัดทะแมงขึ้นด้วยทั้งรูปแบบ และสีสัน เช่นนำเอาสูท สโมกกิ้ง ชุดซาฟารี และกางเกงแบบผู้ชาย มาใช้กับการแต่งตัวแนวใหม่ให้กับผู้หญิง ใช้สีแดง ดำ และขาว มาเป็นแนวสีในการออกแบบของเขา เป็นต้น ทำให้ชื่อเสียงของเขาดังเปรี้ยงปร้าง เป็นที่รู้จักด้วยลักษณะที่เด่นชัดกว่าดีไซเนอร์คนอื่นๆ 14 ปีหลังจากนั้น ทั้งคู่ร่วมหุ้นส่วนด้านธุรกิจกันมา อีฟ แซงต์ โลรองต์ ก็เริ่มขยายธุรกิจด้วยการเปิดห้องเสื้อสำเร็จรูปบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนน์ ในเครื่องหมาย Rive Gauche ที่กลับมาสร้างชีวิตชีวาให้วงการแฟชั่นของฝรั่งเศสจนคึกคักที่สุด และยิ่งสร้างความแปลกใหม่ให้การเดินแบบ ด้วยการนำนางแบบผิวหมึกมาแสดงแบบให้กับเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเขา ทั้งในการเดิน และถ่ายแบบแฟชั่นในยุคต้นของปี’70