วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใครอยากไปสวิตเซอร์แลนด์ยกมือขึ้น[[1]]

วันนี้ก็จะหาคนที่มีประสบการณ์ที่เคยไปแล้วมาให้ดูกันเพื่อจะได้ทริปเล็กๆน้อยๆ ^55^

ลองอ่านดูนะคะ

อืม ดิฉันอ่านดูแล้วก็มีแรงกระตุ้นใจนะคะ อิอิ อ่านแล้วก็สนุกด้วย^[o]^


วันที่ 31 อันยาวนาน เคยอยากให้ 1 วันมีมากกว่า 24 ชั่วโมง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ แต่คราวนี้เหมือนฝัน วันที่ 31 ก.ค. 47 มี 29 ชม. จริงๆ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้เวลา 17.30 น. แต่เราต้องหมุนเข็มนาฬิกาใหม่ให้ชี้ที่เลข 12.30 น. ตอนเดินมาถึงสถานีรถถไฟ อ่านป้ายต่างๆ ไม่ค่อยออกเลย เพราะไม่คุ้นเคย ตอนแรกคิดว่าเป็นภาษาอังกฤษ แต่ที่จริงเป็นภาษาเยอรมัน และคนที่นี่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศษ อิตตาลี อังกฤษ อีกด้วย แบบว่าอยู่ใกล้ประเทศอะไรก็ใช้ภาษานั้นวันที่ 1 มิ.ย. จะเป็นวันแรกของปีที่เข้าหน้าร้อน แต่อากาศยังกับหน้าหนาวบ้านเรา 15 องศาเซลเซียล สถานทรงสูงแบบนี้ มีนาฬิกาทุกยอด นี่แหละถึงแล้วของจริงเมืองแห่งนาฬิกา ไม่ต้องเดาเลยว่านี่คือโบสถ์ มีให้เห็นเป็นระยะๆ

Zurich เป็นเมืองเศรษฐกิจ เราเหยียบแผ่นดินสวิสกันที่นี่เอง ถนนสายธุรกิจที่ Zurich ตลอดแนวมีแต่ร้านขายของซึ่งราคาแพงมากๆ อย่างเราไปก็เรียกได้ว่า For see only แต่ก็มีคนไทยหลายคนนะที่ชอบไปช๊อปกันที่นี่ จะสังเกตเห็นเขาเอาก้อนหินก้อนโตๆ มาวางไว้ข้างถนน ไม่ใช่อะไรเอาไว้กันรถวิ่งมาชนร้านค้าพวกนี้ ถ้าจะชนก็ต้องผ่านก้อนหินนี้ไปก่อน เดี๋ยว.. หันมาดูกะตังค์ในกระเป๋าก่อน 1 Fr (1 CHF) = 30.70 บาท 1 Fr (1CHF ) = 100 Rappen อ้อ.. ลืมบอกไป ชื่อเดิมของ swiss คือ Helvetia

นี่ละ.. ของขึ้นชื่อของ swiss ละ ช็อคโกแล็ตนม แสนอร่อย แต่คนไทยอย่างเราชอบแบบใส่ถั่วประปรายเพิ่มรสชาติกรอบๆ มันๆ สำหรับคนสวิสแล้วการใส่ถั่วทำให้ได้เนื้อช็อคโกแล็ตน้อยลงในขณะที่ต้องจ่ายเท่ากันเดินไปเห็นไอติมวอล์ล คอนเน็ตโต แท่งละ 2.8 Fr เขาว่าไอติมที่นี่รสชาติอร่อยกว่าบ้านเรา เลยต้องควักกระเป๋าพิสูจน์ ปรากฏว่า แง็บ..แง็บ.. (บอกไม่ถูกว่าอร่อยกว่ายังงัย..ก็ลิ้นจระเข้อ่ะ.) กลับไปจะซื้อไอติมวอล์ล (อมแล้วดูด) เลี้ยงเด็กซักโขยงหนึ่ง


ถนน ตรอก ซอก ซอย เขายังคงอนุรักษ์บ้านแบบเก่าๆ เอาไว้ ถนนเล็กๆ ยังคงเป็นแบบเดิมคือ ลักษณะเป็นหินก้อนเล็กวางเรียงกัน ถนนแบบนี้จะไม่ให้รถยนต์ผ่าน เขามีไว้ให้เดินและขี่จักรยานได้เท่านั้น พูดถึงคนเดินเท้าแล้วรู้สึกว่าคนที่โน่นเขาใจดีกันจังเลย ตรงไหนที่เป็นทางม้าลายสีเหลืองๆ แค่เราคิดว่าจะข้ามถนน แบบว่ายืนเรียบๆ เคียงๆ ทางม้าลาย รถยนต์ที่วิ่งมาเร็วแค่ไหนก็หยุดให้เรา แต่ถ้าไม่มีทางม้าลาย..เจ้าอย่าหวัง มารู้ทีหลังว่าเป็นกฎหมายของบ้านเขา ถ้าเขาไม่หยุดให้คนข้าม ถูกปรับเยอะเลย


รถรางไฟฟ้า ผู้คนที่นี่เขานิยมใช้รถไฟฟ้า รถรางไฟฟ้า รถบัส กันทั้งเมือง เนื่องจากสะดวกมาก วิ่งเร็ว ตรงเวลาเผง อยู่ที่โน่นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้เลยคือ นาฬิกา ที่สถานีรถไฟบางทีจะเห็นคนวิ่ง หรือเดินอย่างเร็ว ก็ถ้ามัวเดินทอด... อยู่ก็ต้องเคล็ดขัดยอก เพราะตกรถ แต่ถ้าอยู่บ้านเราก็ไม่ต้องกลัวเจ็บเพราะคนไทยใจดี๋ดี รอได้ครับพี่.. คนที่ใช้รถส่วนตัวคือพวกที่มีเงินเยอะๆ หรือไม่ก็คนที่อยู่นอกเมืองเดินทางไม่สะดวกจริงๆ ราคาน้ำมันแพงมาก แถมที่จอดรถก็แพงอีกตางหากที่จอดรถเขาจะตีเส้นแบบบ้านเราแหละ จอดแล้วก็เอาเหรียญไปหยอดที่ตู้เล็กๆ ข้างๆ กับที่จอดรถ คิดค่าจอดเป็นชั่วโมง ที่เห็นก็ตกชั่วโมงละ 4 Fr มั้ง


วันหยุด บนถนนแทบไม่มีรถ หนุ่มสาว วัยโก๋(แก่) ก็มี มักจะออกมาเล่นสเก็ตกันให้ทั่วเมือง มากันเป็นกลุ่มๆ น่าสนุก บางกลุ่มก็ขี่จักรยานไปรอบๆ เมือง จะเห็นได้บ่อยๆ ที่เขาแบกเป้กันไปเที่ยว มักจะมีรองเท้าสเก็ตผูกติดกระเป๋าไปกันเกือบทุกคน หรือบางคนก็ขี่จักรยานไปเที่ยว เวลาเดินทางไกลๆ ก็เอารถจักรยานขึ้นรถไฟ ซึ่งบนรถไฟจะมีที่สำหรับแขวนจักรยานด้วย พูดถึงเรื่องนี้เลยให้นึกถึงหมา (สุนัข) เขาก็เอาขึ้นรถไฟ รถบัส ตัวใหญ่หรือเล็กก็ไม่เกี่ยง แต่หมาพวกนี้คนเลี้ยงเขาต้องจายตังค์ค่ารถให้นะ และต้องฝึกมาแล้วด้วย (รับรองไม่กัด) แต่ก็อยู่ห่างๆ ไว้แหละดี


กิจกรรมZurich lake ทะเลสาบกลางเมือง กว้างขวางไม่น้อยทีเดียว ผู้คนออกมาพักผ่อน เดินเล่น นั่งเล่น เล่นสเก็ต ขี่จักรยาน อาบแดด แต่วันนี้เรือจอดอยู่เฉยๆ หลายลำ ไม่เห็นถูกใช้เลย ที่นี่คงเหมือนกับสวนสาธารณะบ้านเรา ชวนให้คิดถึงสนามหลวงภาพเล็ก Copy ท่าจากคนที่นั่งอยู่ด้านขวามือถัดจากเราไปหน่อย เขานิยมมานั่งอาบแดดกัน นี่ถ้าเจอแดดเมืองไทยละก็ คงนั่งได้ไม่นาน

ขอขอบคุณhttp://www.maemodpuk.4t.com/story/swiss1/swiss1.html ที่ให้ข้อมูลค่ะ

ยังมีอีกเยอะนะคะเอามาเพียงบางส่วน^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น